Wednesday, November 21, 2007

สองน่องท่องกาญจน์

สวัสดีครับทุกคน หายหน้าหายตาไปนาน และแล้วก็กลับมา เพราะว่าได้ไปเที่ยวที่กาญจนบุรี ที่จริงแล้วก็ไม่ได้ตั้งใจไปเที่ยวหรอกครับ เผอิญว่าต้องไปทำธุระที่นั่นพอดีก็เลยถือโอกาสไปเที่ยวซะเลย ส่วนงานที่ไปทำมาก็ทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ครับ ก็คงต้องปรับปรุงกันต่อไป ถ้าพูดถึงกาญจนบุรี ผมก็คงนึกถึงเขาชนไก่เป็นอย่างแรก เพราะว่าเคยไปที่นี่มาสองปีคงไม่ต้องบรรยายความสุขที่นี่ให้ฟังนะครับ(มันไม่มีอ่ะ) แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดี นอกจากนี้ก็คงนึกถึงสะพานข้ามแม่น้ำแควที่เห็นออกทีวีบ่อยๆนะ ที่จริงเมืองนี้เป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์ชาติไทยหลายอย่างนับตั้งแต่สงครามเก้าทัพ และสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย ซึ่งเป็นที่มาของสะพานแห่งนี้ ซึ่งสร้างโดยทหารญี่ปุ่น.. สำหรับทริปนี้ผมไม่ค่อยได้วางแผนอะไรเพราะว่าไปรถตู้กันเอาเป็นว่าคงจะเล่าที่ที่ไปมาแล้วกัน

หลังจากที่ทำธุระเสร็จ ผมกับเพื่อนก็ไปดูสะพานข้ามแม่น้ำแควกัน เห็นแล้วก็นึกถึงสมัยก่อนคงจะสร้างยากน่าดู


ที่เห็นคนเดินไปอ่ะครับ เค้าไม่ได้ไปฆ่าตัวตายนะ เพื่อนผมเอง เค้าอนุญาตให้เดินไปบนสะพานได้ แต่จะมีทางรถไฟด้วยนะ


เราก็เดินดูกันไปเรื่อยๆ แก้เซ็ง(ผมนะ) ถ้าดูจากตัวสะพานจะเห็นเป็นโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่

รูปนี้ต้องเสี่ยงชีวิตไปถ่ายมานะครับ เพราะถ้าดูดีๆ จะมีรถไฟวิ่งมาด้วย ช่วยด้วย...... ล้อเล่น มันเป็นรถไฟนำเที่ยว วิ่งช้าครับและเค้าก็จะมีที่หลบรถไฟเป็นระยะตลอดสะพานเลย
ค่ารถไฟถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณ 20 บาทสำหรับหนึ่งเที่ยว

เดินไปเดินมาเพื่อนก็โทรมาตามซะแล้วยังไม่ได้ข้ามสะพานเลย



ที่ต่อไปนะครับ ที่จริงที่นี่เป็นที่แรกที่มา วันแรกที่ผมไปทำธุระนั่นแหละ พอดีวันนั้นคงเซ็งๆ คนขับก็นะ พามาดูหลุมศพซะเลย ที่นี่เป็นหลุมศพของทหารที่เป็นเชลยในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองที่ต้องมาสังเวยชีวิตที่นี่


มันเป็นที่แห่งความทรงจำและรำลึกถึงพวกเค้า จะมีฝรั่งมาที่นี่ตลอดเลย

ถ้าดูจากจำนวนหลุมศพมีจำนวนมากครับ นี่แค่ที่เดียวนะ แต่เค้าจัดสถานที่ได้สวยมาก ถ้าใครสนใจก็ลองติดต่อดูนะ แต่ผมคงยังไม่สนใจอ่ะ


ถ้าเราไปดูที่ป้ายก็จะมีรายละเอียดต่างๆของบุคคลนั้น เท่าที่ดูนะครับอายุยังไม่ถึงยี่สิบก็เยอะ

นี่แหละนะครับสงคราม มีแต่การสูญเสียทั้งนั้น

หลังจากที่นี่เราก็กลับที่พักกัน


จากความเดิมตอนที่แล้วโน่น ตอนที่ลงจากสะพานครับ เราก็มาที่น้ำตกเอราวัณกัน จะว่าไปผมก็ไม่ได้ตั้งใจมาเที่ยวน้ำตกนานมากกกกกกแล้ว ขอเล่านิดนึงนะครับ ครั้งแรกที่ผมไปเที่ยวน้ำตกก็คงประมาณประถมครับ กว่าจะได้ไปต้องผ่าน ครม.(คำรับรองจากแม่)ก่อน กว่าจะไปถึง แต่พอไปเห็นก็ดีนะครับ เกิดมาไม่เคยเห็นน้ำตก เฮอๆ กลับมาที่นี่ต่อ น้ำตกเอราวัณจะมีด้วยกันเจ็ดชั้นตามป้ายครับ แรกก็คิดว่าเราต้องไปถึงชั้นเจ็ด

เราก็ออกเดินทางกันไปเรื่อยและเราก็ได้เจอน้ำตก น้ำใสมากกกกกกครับ ที่นี่เจอฝรั่งใส่บิกินีเล่นน้ำซะงั้นเค้าคงคิดว่าเป็นชายหาดมั้ง มันไม่เค้ากันเลยอ่ะ


แล้วต่อไปก็เป็นชั้นสอง ที่นี่คนค่อนข้างเยอะ คงเป็นเพราะมันไม่ไกลมากและก็มีที่เล่นน้ำ เดี๋ยวเราก็จะกลับมาเล่นที่นี่เหมือนกัน


ที่นี่มีปลาด้วยตัวใหญ่มาก ไม่กลัวคนด้วย มันชอบว่ายมากัด ระวังนะ...


ออกเดินทางไปชั้นต่อไป ซึ่งเค้าต้องตรวจขยะทั้งหมดห้ามนำขึ้นไป ขวดน้ำด้วย เครียดเลยก็หิวน้ำอ่ะ


ชั้นต่อไปน้ำตกสวย น้ำใส คนเยอะ แต่เค้าไม่ค่อยเล่นน้ำกัน มีคณะทัวร์ถ่ายรูปกันเต็ม ต้องแวกเข้าไปถ่ายภาพนี้มานะเนี่ย


ต่อไปครับ อันนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นชั้นไหน


อ่าๆๆๆ อันนี้ชั้นสี่ชื่อว่า "อกนางผีเสื้อ" เค้าคงตั้งจากสิ่งที่เห็นอ่ะนะรูปร่างมันมีหินสองก้อน น้ำตกไหนผ่านดูเหมือนหน้าอก และด้วยความใหญ่คงเติมนางผีเสื้อเข้าไป ที่จริงผมว่าตั้งอย่างอื่นก็ได้นะ คิดไปได้


ภาพข้างล่างเป็นระหว่างทางเดิน จะเห็นว่าน้ำใสมาก เค้าเอาสารส้มไปแก่วงป่ะเนี่ย ใสจริงๆ


และนี่คงเป็นชั้นห้า น้ำน่าเล่นดี

ออกเดินต่อเราต้องไปให้ถึงจุดหมายชั้นเจ็ด


และแล้วก็มาถึงชั้นหก ชั้นนี้ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ แต่ถ่ายป้ายมายืนยัน อิอิ


เดินมาเรื่อยๆ จนถึงที่นี่ ผมก็ไม่แน่ใจว่านี่ชั้นไหน ก็เลยเข้าไปถามผู้หญิงคนหนึ่งว่าที่นี่ชั้นเจ็ดใช่มั้ยครับ ได้คำตอบว่า ม่ายช่ายคนไทยคะ เฮอๆ ทำเอางงเลย หน้าไทยมากกกก สรุปมันไม่ใช่ ก็ต้องเดินต่อไป


เย้ๆๆๆ เรามาถึงชั้นเจ็ดจนได้ ขึ้นมาถึงที่นี่สุดยอดดด มีฝรั่งเล่นน้ำอยู่สองคนครับ น้ำก็ไม่ค่อยมี ดูป้ายก็พอ ว่ามาถึงแล้ว


ชั้นบนสุดจะเป็นหน้าผาสูง ถ้าเป็นช่วงน้ำเยอะๆคงจะสวยมาก คำถามต่อมาคือ แล้วไอ้ข้าบนเนี่ยมันเป็นอะไร มันมีน้ำได้ไง ใครรู้ช่วยบอกด้วยครับ


ในที่สุดเราก็ทำได้เดินขึ้นมาจนถึง ก็เป็นการเที่ยวที่สนุกทีเดียวได้เดิน แต่ควรจะต้องฟิตกว่านี้ สรุปแล้วน้ำตกเอราวัณสวยมากครับ น้ำใสมองเห็นปลาว่ายน้ำเลย ธรรมชาติก็ดี ไม่เสียเที่ยวที่มากาญจนบุรี แต่ข้อมูลการเดินทางไม่ได้บอกนะครับ เพราะไม่ได้มาเอง ถ้าใครมีโอกาสก็ลองมาเดินดูนะครับ สวัสดีครับ

Thursday, August 16, 2007

หน้าแรก

สองน่องท่องกาญจน์
สวัสดีครับทุกคน หายหน้าหายตาไปนาน และแล้วก็กลับมา เพราะว่าได้ไปเที่ยวที่กาญจนบุรี ที่จริงแล้วก็ไม่ได้ตั้งใจไปเที่ยวหรอกครับ เผอิญว่าต้องไปทำธุระที่นั่นพอดีก็เลยถือโอกาสไปเที่ยวซะเลย ส่วนงานที่ไปทำมาก็ทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ครับ ก็คงต้องปรับปรุงกันต่อไป ถ้าพูดถึงกาญจนบุรี มีต่อ... NEW!

สองน่องท่องยุดยา
อยุธยาเมืองเก่าของเราแต่ก่อน ถ้าคนไทยคนไหนไม่เคยได้ยินชื่อนี้ก็แปลก เพราะว่าเมืองแห่งนี้เป็นเมืองประวัติศาสตร์ชาติไทยที่มีมานานก่อนสมัยรัตนโกสินทร์ ผมเชื่อว่าทุกคนคงได้เรียนผ่านกันมาบ้าง ผมกับเพื่อน ๆ จึงวางแผนออกเดินทางไปดูกันโดยเราจะใช้เวลาทั้งหมดสองวันในการเที่ยวที่นี่ ซึ่งรับรองว่าถ้าใครได้ไปแล้วจะไม่ผิดหวังกับความยิ่งใหญ่ของราชธานีแห่งนี้แน่นอนครับ
วันแรกกับการเที่ยวเกาะอยุธยา
วันที่สองที่พระราชวังบางปะอิน ตอนที่ 1 มาแว้ววว

วันที่สองที่พระราชวังบางปะอิน ตอนจบ มาแว้วววววว















สองน่องท่องเขาใหญ่
สวัสดีครับ สำหรับคนที่ชอบเที่ยวแต่ว่าหาเวลาว่าง ๆ ไม่ค่อยจะได้ แวะมาชมเวบของผมที่นี่ก็ได้นะครับ อย่างเช่นช่วงวันหยุดที่ผ่านมาก็ไปเที่ยวเขาใหญ่กับเพื่อน ๆ มันเป็นครั้งแรกของผมน่าตื่นเต้นมากครับ แต่ครั้งนี้ไม่ค่อยได้ไปไหนเท่าไหร่ รูปจึงมีน้อยไปหน่อย เอาไว้ครั้งหน้าจะไปให้ครบทุกที่เลยหรือใครจะแนะนำที่ไหนก็ได้นะครับ ภาพที่นำมาฝากครับ มีต่อ...





แล้วเจอใหม่ครับ

พระราชวังบางปะอิน (ต่อ)

กลับมาอีกครั้ง สำหรับพระราชวังบางปะอิน หายไปตั้งนาน วันนี้เราก็จะเดินทางให้จบกันเลย ไปกันเลยดีกว่า
เมื่อเราติดต่อเช่ารถกอล์ฟได้แล้ว.. ก็ถึงเวลาเที่ยวชมความสวยงามของพระชวังกันเลยนะครับ ผมประทับใจกับสถานที่แห่งนี้มาก มีทั้งความสวยงาม ความร่มรื่น ความสงบเงียบ...(น่าปูเสื่อนอน)น๋ะครับ

เราก็จะไปตามถนนเส้นนี้และครับสองข้างถนนมีต้นไม้ ดอกไม้ที่สวยงาม....



ขับรถไปเรื่อยก็มีสนามหญ้าด้านขวามือ เป็นสนามหญ้าที่ใหญ่ และสวยงามมากครับ ผมเห็นแล้วก้อยากจะมีสนามหญ้าหน้าบ้านสวยๆแบบนี้บ้างนะคับ


เห็บรรยากาศสวยๆแบบนี้ใครจะอดใจไหวที่จะไม่ IN กับบรรยากาศ...พรีเซ็นเตอร์กิติมาศักดิ์ของเราก็เอากับเขาสักหน่อย โปรจริงๆ



เมื่อเราชื่นชมกับภูมิทัศน์ที่สวยงามและร่มรื่นเราก็ขับรถไปชมพระราชนิเวศน์สถานและนี่ก็คือ " พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ " ผมขอเล่าถึงประวัติสักเล็กน้อยนะครับเผื่อจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจและไม่สนใจ พระที่นั่งแห่งนี้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จำลองแบบมาจากพระที่นั่งอาภรณ์กิโมกข์ปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ ได้กลายเป็นจุดเด่นขอพระราชวังบางะอินไปแล้วในตอนนี้ ถ้าพูดถึงพระราชวังางปะอินก็ต้องพูดถึงสถาปัตยกรรมไทยเพียงหลังเดียว ที่ตั้งอยู่อย่างโดดกลางสระน้ำท่ามกลางภูมิทัศน์ที่ร่มรื่น แต่วันนั้นท้องฟ้าไม่สวยเท่าไหร่



และที่มองไปด้านหลังของพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ก็จะเจอกับด้านหลังของประตูเทวราชครรไลเดี๋ยวเราจะไปดูด้านหน้ากันนะครับ...




อีกมุมของพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ สวยได้ทุกมุมครับ...




นี่ไงหละครับด้านหน้าของประตูเทวราชครรไล ด้านในจะมีร้านค้า จำหน่ายอาหารและเครื่องเดิม อากาศเย็นสบายครับ เพราะมีแอร์ ประตูเทวราชครรไลนี้เดิมใช้เป็นประตูสำหรับพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกจากเขตพระราชฐานชั้นในไปยังท้องพระโรง




มุมนี้จะก็สวยครับ เราจะทอดสะพาน(ข้ามสะพาน)....เข้าไปที่เขตพระราชฐานชั้นในครับ



รูปปั้นนี้เป็นอีกมุมของประตูเทวราชครรไลครับ




นี่ก็เป็นจะมีสะพานบานเกล็ดเชื่อมไปยัง พระที่นั่งวโรภาษพิมาน ซึ่งเป็นท้องพระโรงสำหรับให้ขุนนางเข้าเฝ้าฯ




เมื่อเราเข้ามายังในเขตพระราชฐานชั้นใน ด้านขวามือจะเป็น พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร แต่ไม่เปิดให้ชมภายในครับ




สนามหญ้าอีกแห่งในเขตพระราชฐาน มีช้างเป็นโขลงเลยครับ ตัวเขียวทั้งนั้นเลย




สูงเด่นเป็นสง่า สีสันสวยงามคือ "พระที่นั่งวิทูรทัศนา"เป็นหอสูงยอดมน เมื่อก่อนใช้เป็นที่ส่องกล้องชมภูมิประเทศและดูดาว เดี่ยวนี้ก็เอาชมวิวในเขตพระราชวังบางปะอินได้ครับครับ




ยิ่งสูงยิ่งหนาว(สวยครับ) ขนาดที่ว่าไกด์กิติมศักดิ์ของเราอายุก็ไม่ใช่น้อยๆยังอดใจไม่ไหว หอบร่างกายและจิตวิญญาญ ขึ้นไปชมความงามของพระราชวัง (แล้วคุณจะไม่ผิดหวัง) หมูอ้วนบอกนะเคลียร์กันเอง





เห็นภาพนี้แล้วอาจจะสงสัยนะครับว่าผมไปเที่ยวเมืองจีนหรือไปเที่ยวเยาวราชมา ไม่ใช่ครับนี่คือ"พระที่นั่งเวหาศจำรูญ" หรือชื่อจีนว่า “เทียนเม่ง ที่อยู่ในเขตพระราชวังบางปะอินนั่นแหละครับ เป็นพระที่นั่งที่บรรดาชาวไทยเชื้อสายจีนที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารร่วมกันสร้างถวายรัชกาลที่ 5




และนี่ก็อีกมุมของ"พระที่นั่งเวหาศจำรูญ" มาเที่ยวที่นี่ไม่ผิดหวังครับ เหมือนกับได้เที่ยวทั้งเอเชียและยุโรปเลยครับ

ภาพมุมสูงจาก"พระที่นั่งวิทูรทัศนา" กว่าจะขึ้นไปได้..เหนื่อย

พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร จากอีกด้านใหญ่โตมาก



ส่วนอันนี้ไม่ทราบชื่อ ลองไปหาดูนะครับ รู้แล้วบอกด้วย อยากจะกินหญ้าจริง ๆ เขียวสวยมาก





ขับรถไปก็จะอ้อมไปตามสระน้ำ มองกลับมาก็เจอที่เดิม



บอกแล้วว่าที่ร่มรื่น เห็นมั้ยมีนกด้วย



เราก็จะข้ามสะพานอีกแล้วไปที่อีกฝั่ง


พระที่นั่งวโรภาษพิมาน จากฝั่งตรงข้าม


ข้ามมาแล้ว ที่นี่พิเศษหน่อยเค้าอนุญาติให้เข้าชมภายในได้ แต่สุภาพสตรีต้องสวมผ้าถุงนะครับ เค้ามีให้ยืม ภายในสวยงามมาก แต่เสียดายที่ห้ามถ่ายรูป


ดูเวลาแล้ว ก็สมควรแก่เวลา ไม่ได้มืดนะครับ สมควรแก่เวลาที่จะต้องเอารถไปคืน เดี๋ยวไม่มีตังค์จ่าย ทางผ่านก็เจอน่าจะเป็นเรือนะ



คืนรถเรียบร้อย ก็มานั่งพัก ซื้อโปสการ์ดส่งหาเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ภายในก็น่านั่งครับ


หายเหนื่อยก็กลับกันดีกว่า ออกจากพระราชวังก็จะมีรถสองแถวที่มารอรับนักท่องเที่ยว เราก็ติดต่อจะไปที่สถานีรถไฟ คนละ 10 บาทครับ


ขึ้นรถไฟกลับอยุธยาเหมือนเดิม เต็มเหมือนเดิม เอ๊ะคนใส่แว่นทำไมแก่จัง อิอิ


ถึงที่สถานีรถไฟ ก็นั่งเรือข้ามฝากมาหาไรกินกันหน่อย หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อของ ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา มาก็มากนะครับ เพราะฉะนั้น เรามาถึงที่นี่แล้วต้องหามาชิมกันสักหน่อย อร่อยสมกับเป็นต้นตำรับจริง ๆ

และแล้วก็จบการเดินทางของวันนี้และทริปนี้ด้วย เป็นไงครับสนุกกันมั้ย ที่พระราชวังเป็นสถานที่ที่ร่มรื่น น่าพักผ่อนจากความวุ่นวาย ใครที่อยู่ไม่ไกลมาก็ลองมาแวะเดินเล่นชมความงามกันนะครับ อีกอย่างภายในพระราชวังมีสถานที่อีกหลายอย่างนะครับที่ผมไม่ได้แสดงให้ชมกัน มาดูเองนะ
เป็นไงบ้างครับสำหรับจังหวัดอยุธยา สวยงามและน่าประทับใจ สิ่งที่สังเกตเห็นนะครับที่พบได้เยอะที่นี่คือ สายน้ำและวัด ผู้คนก็คงจะผูกพันกับสิ่งเหล่านี้เช่นกัน ลองชวนเพื่อน ๆ มาเที่ยวกันครับ แอบบอกนิดหนึ่ง ทริปนี้สองวันไม่เกินพัน(อาศัยที่พักเพื่อน) ขอบคุณป๋ามากนะครับสำหรับที่พัก ทริปนี้ก็คงจบลง ทริปหน้าบอกใบ้ให้อีกนิดว่า ไปต่างแดน สวัสดีครับ