Tuesday, August 7, 2007

สองน่องท่องยุดยา

อยุธยาเมืองเก่าของเราแต่ก่อน จิตใจอาวรณ์มาเล่าสู่กันฟัง อยุธยาแต่ก่อนนี้ยัง เป็นดังเมืองทองของพี่น้องเผ่าพงศ์ไทย..
อะนะครับอย่าตกใจนะครับว่าทำไม๊...ทำไมอยู่ ๆ ผมถึงเขียนถึงบทความข้างต้น ไม่ได้ไปปลุกใจใครนะ หลายคนคงเคยได้ยินบทความนี้มาบ้างแล้ว อย่านะคับ อย่า..อย่าบอกว่าคุณเกิดไม่ทัน..เพลงนี้เป็นเพลงประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชื่อเพลง อยุธยาเมืองเก่า คำร้อง – ทำนองโดยคุณ สุรินทร์ ปิยานันท์ พอผมได้ฟังเพลงนี้มันทำให้ผมเกิดอาการครับ ไม่ใช่อาการบ้าหมูหรืออาการหมูบ้าแต่อย่างใดครับ มันทำให้ผมมีอาการอยากไปท่องเที่ยวและชมโบราณสถานของเมืองเก่าแห่งนี้

สำหรับทริปนี้ผมมีผู้ร่วมทริปอีก 5 คนรวมกับผมเป็น 6 ครับ งงป่ะว่าเป็น 6ได้ไง ถ้าคุณยังไม่เข้าใจคุณก็นับ 5 ไว้ในใจ แล้วนับนิ้วไปอีก 1 ก็จะได้ 6 get แล้วใช่ไหมครับ ผมนึกแล้วว่าคุณต้องรู้ …เฮอ ๆ เราใช้เวลาในการท่องเที่ยวเมืองเก่าในอยุธยา 1 วัน และพระราชวังบางปะอินอีก 1วัน ก่อนการเดินทางเราได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของเมืองแห่งนี้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งศึกษาแผนที่การเดินทาง...ยิ่งกว่าสอบfinal ซะอีกครับ
พวกเราได้ออกเดินทางจากภูมิลำเนา(บ้านนอก)...จากถนนสายภาคตะวันออกเฉียงเหนือมุ่งสู่จุดหมายปลายทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เราใช้บริการรถ ป. 2 นั่งได้สบายครับ แอร์เย็นช่ำ (ค่าโดยสารมันถูกดี) ปลายทางที่เราจะไปคือ อ. วังน้อย ผมมาต่อรถที่โคราช ค่ารถโดยสารจากโคราชถึงวังน้อย 119บาท พอถึงวังน้อยเราต้องต่อรถไปที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ค่าโดยสาร 12 บาท เพราะนัดเพื่อนร่วมทางไว้ที่นั้น 2 คน



หลังจากที่เราเตรียมอุปกรณ์(หมวก แว่นกันแดด ร่ม ครีมกันแดด ) การเดินทางสู่เมืองเก่า จุดเริ่มต้นการท่องเที่ยวนี้เริ่มที่สถานีรถไฟอยุธยา


ตรงข้ามกับสถานีรถไฟจะมีถนนไปที่ท่าเรือข้ามฟากเข้าสู่ตัวเมืองอยุธยาสองข้างทางที่เดินเข้าไปจะมีร้านให้เช่าจักรยานสำหรับชมเมือง แต่เรายังไม่เช่าครับ เพราะเกรงว่าจะเอาจักรยานขึ้นเรือข้ามฟากจะลำบาก ค่าเรือข้ามฝากคนละ 3 บาทเท่านั้น


หลังจากนั่งเรือข้ามฟากมาเราก็เดินหาร้านเช่าจักรยานและค่อนข้างโชคร้ายไปหน่อยครับ จักรยานที่อยู่ใกล้ท่าเรือถูกเช่าไปหมดแล้ว(เรามาสาย..) ก็เลยต้องเดินไปหาร้านเช่าแถวตลาด โชคดีมากเลยครับ ร้านที่อยู่ใกล้กับ ธกส. ยังมีจักรยานเหลือไว้ให้เราเช่า (เดินกันเหงื่อแตกซิก) คันละ 30 บาท โดยต้องส่งรถคืนประมาณ 6 โมงเย็น


เมื่อเราได้จักรยานแล้วก็ปั่นตรงขึ้นไปที่วัดมหาธาตุ สิ่งต่อไปที่เราต้องทำคือ หาที่ทานข้าวเช้ารึว่าข้าวเที่ยง เอาเป็นว่า ข้าวก่ำกึ่งเที่ยงแล้วกัน ประมาณว่ากองทัพต้องเดินด้วยเท้า(ท้อง) เยื้องกับทางเข้าวัดมหาธาตุจะมีร้านอาหารตามสั่งอยู่ร้านหนึ่ง เราก็ฝากท้องไว้ที่นั่นแหละ แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะคลอดนะ เรากินข้าวไปด้วยศึกษา เส้นทางไปด้วย และที่ร้านเช่าจักรยานจะมีแผนที่แจกด้วยนะครับ กินข้าวเสร็จเราก็จูงจักรยานข้ามถนนไปวัดมหาธาตุ ตรงหน้าวัดมหาธาตุเขาจะเตรียมที่จอดรถจักรยานไว้ให้เป็นพิเศษครับ ค่าเข้าชมสำหรับคนไทย 10 บาท ต่างชาติ 30 บาทครับ
เราเริ่มเดินชมจากทางขวามือก่อนเลย เราจะพบกับเศียรพระพุทธรูปที่ถูกต้นไม้ล้อมไว้ซึ่งจะว่าเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ก็ว่าได้ ตรงจุดนี้ผมเชื่อว่าทุกคนที่มาต้องเก็บภาพกลับไปแน่นนอน




ด้านซ้ายมือก็มือพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่มากมาย แต่น่าเสียดายที่เศียรหายไปหลายองค์ คงสัญนิษฐานกันได้ว่าอยุธยาเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองทางด้านศาสนามาก ๆ พระพุทธรูปเยอะมาก


ตามทางที่เราเดินไปก็จะเห็นพระพุทธรูปได้ตลอดทางแต่ไม่ค่อยจะอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์เท่าไหร่นัก




สาย ๆ อากาศก็เริ่มร้อนมากขึ้น ก็เดินหาร่มกันหน่อย เอรึว่าเดินไปดูอะไรกันแน่ สงสัยเราต้องตามไปดูซะแล้ว


เดินไปเรื่อยเราก็จะเจอกับเจดีย์มากมาย มีหลากหลายรูปแบบ รูปที่ผมถ่ายมาก็จะเป็นเจดีย์ทรงระฆังครับ...



แต่ละคนก็พยายามเก็บภาพกัน เข้ามาวัดนี้วัดแรกครับ ตื่นตาตื่นใจ กว่าจะได้ภาพแต่ะละภาพต้องใช้ความพยายามสูงมาก


จุดที่เราจะไปต่อคือ...วัดราชบูรณะ ซึ่งตั้งอยู่อีกฟากของวัดมหาธาตุ หน้าวัดแห่งนี้ก็มีที่จอดรถจักรยานเตรียมไว้ให้ครับ... ค่าเข้าชมเท่าเดิมครับ คนไทย10บาทครับ ต่างชาติ 30 บาทครับ



มองตรงเข้าไปจะเจอกับพระวิหารและพระปรางค์ที่ใหญ่มาก ไม่รู้สมัยก่อนเค้าสร้างไง

ตัวพระวิหารก็ไม่สมบูรณ์เท่าไหร่แต่ก็ยังคงเหลือความยิ่งใหญ่เอาไว้ให้เราได้ชมเหมือนกัน

ตัวพระปรางค์สามารถไต่บันไดขึ้นไปชมได้คับ ผมลองขึ้นไปมาแล้วคับ ตอนขึ้นไปมันไม่เท่าไหร่คับ แต่มันเท่าหัวคับ(555++++) พอหันหน้ากลับมาหัวใจผมหล่นไปอยู่ตาตุ่ม มันสูงมากคร้าบบบ... สามารถชมวิวรอบ ๆ เมืองได้พอสมควร



พระปรางค์นี้มีกรุอยู่ชั้นใต้ดินคับ เขาเล่ากันว่าเคยเป็นที่เก็บทอง เมื่อลงไปจนสุดเงยหน้าขึ้นก็จะพบกับภาพจิตรกรรมที่สวยงาม ระหว่างทางลงไปที่กรุก็จะมีห้องจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับวัดนี้ไว้ด้วย คำเตือนคับ! เด็ก คน ชรา สตรีมีครรภ์ ต้องระวังหน่อยนะคับ
บันไดลงไปมันชัน และอากาศหายใจมีน้อย อาจเป็นอันตรายได้...




บรรยากาศจากด้านบนพระปรางค์เย็นสบาย ทิวทรรศน์ก็สวย แต่ผมสังเกตเห็นว่ามีต้นพุทราค่อนข้างเยอะ ใครรู้บ้างทำไมเค้าถึงปลูกต้นนี้กันบริเวณนี้ครับ


เราก็มุ่งหน้ากันสู่จุดหมายต่อไปด้วยจักรยานที่เช่ามา ตามเส้นทางที่เราได้ศึกษามา (มั่วไปเรื่อย ๆ)




หลังจากที่ค้นหากรุสมบัติ เราก็แวะไปพักเหนื่อยกันที่บึงพระราม ที่นี่ต้นไม้ร่มรื่น อากาศเย็นสบาย เหมาะแก่การผูกเปลนอนมาก ๆ ผมกะว่าจะหลับเอาแรงสักชั่วโมงแต่คงไม่ได้ ยังมีสถานที่ต่าง ๆ รอเราอยู่



ไปต่อกันเลยที่วัดมงคลบพิตร วัดนี้มีความสวยงาม มีสีสันมากขึ้น เพราะได้มีการบูรณะใหม่ ภายในวัดจะมีหลวงพ่อมงคลบพิตรประดิษฐานอยู่ มีขนาดใหญ่มาก ๆ วัดนี้ไม่ได้เสียค่าเข้าชม ถนนทางเดินเข้าวัดก็จะมีที่จำหน่ายของฝาก ของที่ระลึก น้ำดื่ม ขนมต่าง ๆ มากมาย


ข้าง ๆ วัดมงคลบพิตรก็จะเป็นวัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดนี้ต้องเสียค่าเข้าชมราคาเดิม 10 บาท จุดเด่นของวัดพระศรีสรรเพชญ์นี้คือ มีเจดีย์ที่สวยงามเรียงกันสามองค์คับ บริเวณนี้เคยเป็นพะราชวังมาก่อนพอสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถได้ถวายให้เป็นที่วัด


รูปทรงของพระเจดีย์ลองจินตนาการดูว่าถ้าได้รับการดูแลอย่างดีเหมือนในสมัยนั้นจะสวยงานขนาดไหน



รอบ ๆ บริเวนนี้ก็กว้างขวาง มีพื้นที่ให้เดินเยอะ ลองเดินชมดู และก็มีเด็กมาทัศนศึกษาบ้าง



จากนั้นเราก็ลัดเลาะไปตามถนนเล็ก ๆ ทางด้านข้างของวัดพระศรีสรรเพชญ์ ไปที่วัดธรรมิกราชแต่เราไม่ได้ชมอะไรมากมายเพราะเขากำลังทำพิธีกรรมกันอยู่ เราก็ปั่นจักรยานหาที่ทานข้าว หลังจากที่เราเพิ่ม คอเลสเตอรอลให้กับตัวเองเสร็จเราก็เดินทางไปต่อกันที่
วัดพระนอน หรือวัดโลกยาสุธาราม เป็นพระนอนที่มีขนาดใหญ่มากเช่นกัน แต่ในตอนที่ผมไปวัดนี้ค่อนข้างจะคนน้อยไปหน่อย กว่าที่จะมาถึงได้ก็ค่อนข้างไกลพอสมควร


ใหญ่ไม่ใหญ่ลองดูเทียบกับคนที่ยืนอยู่แล้วกันนะครับ ไม่ได้เศษเสี้ยวเลย หลังจากไหว้พระขอพรเสร็จเราก็ออกเดินทางกันต่อเลย จุดหมายปลายทางอยู่ที่วัดไชยวัฒนาราม ก่อนที่จะมืด


การเดินทางไปวัดไปวัดแห่งนี้ของเราเกิดการสับสนนิดหน่อย แต่ในที่สุดเราก็สามารถไปถึงวัดนี้จนได้ เส้นทางจากวัดพระนอนถึงวัดไชยวัฒนารามก็ไกลพอสมควรคับต้องฟั่นฝ่าอุปสรรคกับรถบนถนนมากมาย แต่คนที่นี่ใจดี เขาจะให้เกียรติจักรยาน เราปั่นจักรยานข้ามไปอีกฝั่งของเมือง ก่อนถึงวัดไชยวัฒนาราม เราก็แวะพักเหนื่อยกันที่เจดีย์ศรีสุริโยทัย ชมวิวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา อากาศเย็นสบายคับ เมื่อหายจากความเมื่อยล้าเราก็เดินทางสู่จุดมายกันต่อคับ


และแล้วเราก็ถึงวัดไชยวัฒนาราม เกือบจะเย็นแล้ว ฝนก็ทำท่าจะตก แต่ด้วยความสวยงานของวัด ทำให้เราต้องพักกันที่นี่พอสมควร


นั่งพักกันสักหน่อย มีวิวให้ดู คนที่วัดนี้ก็เยอะพอสมควรครับ แต่ละคนเริ่มอ่อนล้าและก็คุยกันว่าจะไปไหนต่อ เราจะสู้ต่อไป...







เราคิดว่าที่นี่จะเป็นที่สุดท้ายแต่ไม่ใช่แล้วสิคับเรายังไปชมพระอาทิตย์เกือบจะตกดินที่ ป้อมเพชร ที่แห่งนี้คล้ายสามแยกแม่น้ำ ผมจำไม่ได้ว่าแม่น้ำสายอะไร เอาไว้ต้อนรับเรือของข้าศึก หลังจากนั่งชมวิวพักหน่อย ดื่มน้ำที่นี่อยู่นานพอสมควร จากนั้นเราก็ปั่นจักรยานไปส่งคืนที่ร้านเช่าคับ (ทำไมมันไกลจังเนี่ยยยย)และก็กลับที่พักกัน เหนื่อยครับ แต่คุ้มค่าและสนุกมาก ๆ (ต้องขอขอบคุณ ไกด์กิตติมศักดิ์ครับ ที่มาเราไปถึงที่ต่าง ๆ จนได้ 55)

และแล้ววันแรกสำหรับการเดินทางก็ได้จบลง สิ่งที่ผมได้พบก็คือความยิ่งใหญ่ของราชธานีของไทย มันเป็นความภาคภูมิใจครับ สำหรับความยิ่งใหญ่ของบรรพบุรุษ ถ้าลองจินตนาการว่าเราอยู่ในเวลานั้นคุณจะพบว่าอยุธยาเป็นนครที่มีความเจริญ รุ่งเรืองด้านต่าง ๆ มากมาย และสิ่งที่เหลืออยู่ในวันนี้ก็เป็นสิ่งที่เราควรทำนุบำรุงและศึกษา อยากให้คนไทยทุกคนไปดูครับ ส่วนใหญ่ที่เห็นจะเป็นชาวต่างชาติ
สำหรับโปรแกรมในวันพรุ่งนี้เราจะไปต่อกันที่พระราชวังบางปะอิน ผมได้ยินมาว่าที่นี่สวยมาก ๆ ยังไงก็อย่าลืมติดตามชมต่อนะคับ....